วันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยไปยังชาวนาทั่วประเทศ และมอบนโยบายให้ ธ.ก.ส.เร่งดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งเห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่าย และพัฒนาศักยภาพในการผลิต วงเงินรวม 81,265 ล้านบาท
กำหนดการจ่ายเงินช่วยเหลือดังกล่าวจะเริ่มโอนเงินเข้าบัญชีตามกลุ่มจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 24-28 พ.ย. ตามลำดับดังนี้
- วันที่ 24 พ.ย. 2565 จำนวน 804,017 ครัวเรือน จังหวัดนครสวรรค์ เพชรบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ อุทัยธานี ตาก เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน และลำพูน
- วันที่ 25 พ.ย. 2565 จำนวน 985,871 ครัวเรือน จังหวัดลำปาง น่าน แพร่ อุดรธานี ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และอุบลราชธานี
- วันที่ 26 พ.ย. 2565 จำนวน 978,459 ครัวเรือน จังหวัดขอนแก่น สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ นครราชสีมา และยโสธร
- วันที่ 27 พ.ย. 2565 จำนวน 980,489 ครัวเรือน จังหวัดหนองบัวลำภู หนองคาย มุกดาหาร บึงกาฬ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และจังหวัดชัยภูมิ
- วันที่ 28 พ.ย. 2565 จำนวน 546,458 ครัวเรือน จังหวัดอำนาจเจริญ ชัยนาท นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง สมุทรปราการ สระแก้ว กาญจนบุรี นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี กระบี่ ชุมพร พังงา ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สงขลา สตูล เลย และ กทม.
ทั้งนี้ เกษตรกรจะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้จำนวน 4.68 ล้านครัวเรือน ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 กันยายน 2566 โดยจะเริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 ประกอบด้วย
1.โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/2566 เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้
ประสบปัญหาขาดทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและภัยธรรมชาติ โดยประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด ได้แก่
ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน
ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน
ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละ ไม่เกิน 25 ตัน
ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรโดยตรงตามข้อมูลที่ได้รับจากกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งผ่านการประชุมของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและเกณฑ์กลางอ้างอิงฯ งวดที่ 1-6 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันเก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 15 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 รวมทั้งสิ้น 1.68 ล้านครัวเรือน จำนวนเงิน 4,516.88 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้
งวดที่ 1 เก็บเกี่ยวก่อน 15 ตุลาคม 2565
งวดที่ 2 เก็บเกี่ยว 15-21 ตุลาคม 2565
งวดที่ 3 เก็บเกี่ยว 22-28 ตุลาคม 2565
งวดที่ 4 เก็บเกี่ยว 29 ตุลาคม-4 พฤศจิกายน 2565
งวดที่ 5 เก็บเกี่ยว 5-11 พฤศจิกายน 2565
งวดที่ 6 เก็บเกี่ยว 12-18 พฤศจิกายน 2565
ทั้ง 6 งวด โอนพร้อมกันทั่วประเทศ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565
2.โครงการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/2566 (โครงการไร่ละ 1,000 บาท) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกร ลดต้นทุนการผลิต และสร้างขวัญกำลังใจในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวและจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษาข้าวให้มีคุณภาพดี ในการเพิ่มโอกาสในการขายข้าวในราคาที่สูงและมีรายได้มากขึ้น
โดยสนับสนุนเงินให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีการผลิต 2565/2566 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อครัวเรือน ยอดจ่ายทั้งประเทศ รวม 4.295 ล้านครัวเรือน จำนวนเงิน 50,617.045 ล้านบาท
“ทั้ง 2 โครงการพร้อมโอนงวดแรก วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 โดยได้รับเกียรติจากนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานโอนเงินครั้งแรก ให้แก่เกษตรกร ณ บริเวณหน้าศาลากลาง จังหวัดเพชรบูรณ์ และเกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชั่น ธ.ก.ส. A-Mobile และ A-Mobile Plus ตลอด 24 ชั่วโมงและจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน LINE Official BAAC Family กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ BAAC Connect รวมถึงสามารถเบิกถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ของ ธ.ก.ส.ทั่วประเทศ”