ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ นครพนม ระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดลงต่อเนื่อง เหลือเพียงแค่ 1.90 เมตร ห่างจากจุดวิกฤติล้นตลิ่งประมาณ 10 เมตร คือที่ 13 เมตร และยังมีแนวโน้มที่จะลดระดับต่อเนื่อง ถือเป็นความผันผวนทางธรรมชาติน้ำโขงหนักสุด รอบกว่า 50 ปี ซึ่งสาเหตุมาจากฝนทิ้งช่วง และผลกระทบ การกักน้ำของเขื่อนกั้นน้ำโขง ประเทศจีน
หลังระดับน้ำโขงลดต่อเนื่อง พบว่า มีหาดทรายเกิดขึ้นกลางน้ำโขง ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม เป็นพื้นที่กว้างหลาย 100 ไร่ ระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร สร้างความเดือดร้อน เป็นปัญหาในการเดินเรือ และออกเรือหาปลาของชาวบ้าน ซึ่งถือเป็นความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติที่ไม่เคยพบมาก่อน ในช่วงฤดูฝน และเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่ชาวบ้านไม่เคยพบเห็นมาก่อน เนื่องจากหาดทรายท้ายเมือง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า หาดทรายทองศรีโคตรบูร ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยว สำคัญในช่วงหน้าแล้ง เดือนมีนาคม ถึง เดือนเมษายน ทุกปี แต่ช่วงนี้ถือว่าผิดธรรมชาติ เพราะเป็นช่วงฤดูฝนแล้ว
นอกจากนี้ หาดทรายยังโผล่พ้นน้ำเยอะกว่าช่วงฤดูแล้งที่ผ่านมา ที่สำคัญบริเวณหาดทรายดังกล่าว ยังเป็นหาดทราย ที่มีความแตกต่างจากที่อื่น เนื่องจากเม็ดทราย จะเป็นสีเหลืองทอง และพอเกิดหาดทราย จะมีลักษณะเป็นคลื่นที่ถูกน้ำซัด เวลามอง และถ่ายภาพ ออกมาจะเป็นลักษณะเหมือนเกล็ดพญานาค มองคล้ายลำตัวพญานาคยาวตามลำน้ำโขง ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติสุดแปลก ทำให้ชาวบ้านแห่ไปชื่นชม และถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
ด้าน นายอาทิตย์ พนาศูนย์ อายุ 65 ปี ประธานชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จ.นครพนม เปิดเผยว่า ปีนี้ ถือว่าระดับน้ำโขง ผันผวนมากสุด ในรอบ เกือบ 100 ปี โดยจากการศึกษาข้อมูลพบว่า ปัจจัยสำคัญมาจากโครงการก่อสร้างเขื่อนในประเทศจีน รวมถึงใน สปป.ลาว ทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติ ถือเป็นสัญญาณอันตราย ในอนาคตปัญหาขาดแคลนน้ำ จะกระทบรุนแรงมากขึ้น และยากที่จะแก้ไข เนื่องจากประเทศต้นน้ำมีการควบคุมระบบน้ำโขง ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ที่สำคัญที่น่าห่วงมากที่สุด คือ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ชาวลุ่มน้ำโขงจะเปลี่ยนไป ปลาน้ำโขง จะหายากมากขึ้น รายได้ลดลง หากมีการแก้ไขหารือ ต้องเป็นระหว่างประเทศ จึงยากที่จะหาทางแก้ไข.
ข่าวจาก https://www.one31.net/news/detail/12621